พล.ต.อ.อดุลย์ ประธาน กมธ.แรงงาน ห่วงสถานการณ์โควิด 19 ระลอกใหม่

          พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา ห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานต่อสถานการณ์โควิด – 19 ระลอกสอง เชิญผู้แทนกระทรวงแรงงานและหน่วยเกี่ยวข้องประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานและรับฟังข้อเสนอแนะ มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานไทยและต่างด้าวในสถานการณ์โควิด-19 ให้ก้าวพ้นวิกฤติไปด้วยกัน

          เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในระลอกใหม่นี้ คณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภามีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานต่อสถานการณ์ดังกล่าว ในวันนี้จึงได้เชิญผู้แทนกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานและร่วมหารือรับฟังข้อเสนอแนะในการดำเนินงานในประเด็นการติดตามสถานการณ์โควิด – 19 โดยเฉพาะเรื่องของต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองกระทรวงแรงงานมีมาตรการอย่างไรในการควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังมีประเด็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในพื้นที่อีอีซี กระทรวงแรงงานมีมาตรการอย่างไร รวมทั้งมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งนี้ ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ได้ชี้แจงทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าวข้างต้นว่า กรณีต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองกระทรวงแรงงานมีแนวทางในการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวทั้งประเทศอยู่แล้ว โดยการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ เพื่อควบคุม ยับยั้ง ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมทั้งให้แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองหรือผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบการทำงานที่ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และทำให้เกิดความมั่นคงของระบบฐานข้อมูลแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย (Big Data) นอกจากนี้ ยังมีมาตรการตรวจคัดกรองโควิด-19 แก่แรงงานเชิงรุกในสถานประกอบการ หรือ ‘สมุทรสาครโมเดล’ จะช่วยให้การค้นหาผู้ติดเชื้อได้รวดเร็วยิ่งขึ้นหากตรวจพบเชื้อก็สามารถเข้าสู่การรักษาตามแนวทางที่กรมควบคุมโรคกำหนด ตั้งแต่วันที่ 9 – 25 มกราคม 2564 พบว่า มีผู้ประกันตนรับการตรวจคัดกรองเชิงรุกในสถานประกอบการ ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครแล้ว จำนวน 25,162 ราย


       ส่วนประเด็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีการเตรียมความพร้อมกำลังแรงงานโดยเน้นการแนะแนวอาชีพให้กับนักเรียนนักศึกษาในสาขาอาชีพ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย การจัดงาน Job Expo Thailand 2020 ทำให้มีผลการบรรจุงานแล้วกว่า 850,000 อัตรา (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ม.ค.64) นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานทั้งการ Up Skill/Re Skill/และ New Skill ให้แก่ประชาชนทั่วไปและในพื้นที่อีอีซี และประเด็นมาตรการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทรวงแรงงาน ได้ออกกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยโควิด-19 โดยให้สิทธิประโยชน์กรณีว่างงานแก่ผู้ประกันตนที่ไม่ได้ทำงานหรือนายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากต้องกักตัวหรือเฝ้าระวังการระบาดของโรค หรือไม่ได้ทำงานเนื่องจากนายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เนื่องจากทางราชการมีคำสั่งให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ และลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน รวมกันไม่เกิน 90 วัน ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563 ซึ่งสำนักงานประกันสังคมได้เปิดให้นายจ้างและผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนโดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ www.sso.go.th อยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 ม.ค.64 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้แก้ไขกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. 2563 จัดเก็บเงินสมทบฝ่ายนายจ้างในอัตราร้อยละ 3 ของค่าจ้างผู้ประกันตนจัดเก็บเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 33 ในอัตราร้อยละ 0.5 ของค่าจ้าง ระยะเวลา 2 เดือน (กุมภาพันธ์ – มีนาคม 2564) ผู้ประกันตนมาตรา 39 จัดเก็บในอัตราเดือนละ 38 บาท รัฐบาลส่งเงินสมทบอัตราเดิมร้อยละ 2.75 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อีกด้วย