สธ.ปรับ “โควิด 19” เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เริ่ม 1 ต.ค. 65
วันที่ 1 ตุลาคม 2565 นี้ “โควิด-19” จะเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ย้ำให้กลุ่มเสี่ยง 608 ยังต้องมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะมีผู้บริหารเข้ารับตำแหน่งใหม่ทั้งปลัด รองปลัด และอธิบดี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการปรับโรคโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ยืนยันว่าการดำเนินงานต่างๆ จะไม่มีรอยต่อและไม่มีผลกระทบต่อการบริการประชาชน ระบบการดูแลต่างๆ มีความพร้อม
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำให้กลุ่มเสี่ยง 608 ยังต้องมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เนื่องจากขณะนี้ผู้เสียชีวิตจากโควิดยังเป็นกลุ่มนี้เกือบ 100% รวมทั้งยังแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปในพื้นที่เสี่ยงหรือร่วมกิจกรรมที่มีความเสี่ยง
สำหรับการลงนามกับไฟเซอร์ เพื่อจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน - ต่ำกว่า 5 ปี ในส่วนของสัญญามีการเจรจาและผ่านมติ ครม.รวมถึงความเห็นชอบของไฟเซอร์แล้ว คาดว่าจะมีการลงนามระหว่างกรมควบคุมโรคและไฟเซอร์ในช่วงบ่ายวันนี้ และจะเริ่มทยอยส่งมอบในช่วงเดือนตุลาคมนี้ไปจนครบ 3 ล้านโดส
ส่วนแนวทางบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ในปี 2566 ต้องรอการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ว่าจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นหรือไม่ ต้องเน้นกลุ่มเสี่ยงใด จำนวนเท่าใด ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน
“ส่วนเรื่องยาต้านไวรัสนั้น กระทรวงสาธารณสุขมีการติดตามการใช้งานและสำรองไว้อย่างเหมาะสม ซึ่งผู้ป่วยทุกรายไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัส ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และหากแพทย์เห็นว่าไม่จำเป็นต้องรับยาก็ไม่ควรไปซื้อมารับประทานเอง โดยการซื้อยาต้านไวรัสในร้านขายยาต้องใช้ใบสั่งแพทย์ เนื่องจากยังเป็นยาที่อนุญาตให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน”
ที่มา สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์