เพิ่ม 3 อย่าง
1. แผนยุทธศาสตร์การลดความเสี่ยงระดับชาติ และระดับท้องถิ่น
2. การให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ
3. การเข้าถึงข้อมูล การแจ้งเตือนล่วงหน้า และข้อมูลความเสี่ยง
เปลี่ยน 3 อย่าง
1. เปลี่ยนความสูญเสีย เป็นเน้นที่ความเสี่ยง
2. เปลี่ยนวิธีการจัดการภัย เป็นการจัดการความเสี่ยง
3. เปลี่ยนวิธีคิดที่ว่าทำอะไร เป็นทำอย่างไร
การจัดการสถานการณ์อัคคีภัย
แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. การจัดการก่อนเกิดภัย
1.1 การป้องกัน และลดผลกระทบ
1.2 การเตรียมความพร้อม
2. การจัดการขณะเกิดภัย
2.1 การเผชิญเหตุ
2.2 การบรรเทาทุกข์
3. การจัดการหลังเกิดภัย
3.1 การฟื้นสภาพ
3.2 การซ่อมสร้าง
องค์ประกอบไฟ
- เชื้อเพลิง สารทุกชนิดที่ติดไฟได้
- ความร้อน แหล่งกำเนินความร้อนมาจากทางกล ไฟฟ้า ความร้อน และเคมี
- อากาศ ทั้งอากาศที่เราหายใจ และอากาศที่มีปฏิกิริยากับไฟ เช่น ไฮโดรเจน
การดับไฟ
- ตัดความร้อน
- ตัดเชื้อเพลิง
- ตัดอากาศ
- ตัดปฏิกิริยาลูกโซ่
ประเภทของไฟ
1. Class A เป็นเชื้อเพลิงพื้นฐานทั่ว ๆ ไปที่เป็นของแข็งจำพวก ไม้ กระดาษ เสื้อผ้า พลาสติก ยาง ฯลฯ เมื่อเผาไหม้แล้วจะเหลือเถ้าถ่าน
วิธีการดับไฟ : สามารถดับได้ด้วยการทำให้เย็นลง หรือการชุบน้ำ หรือสารเคมีแห้งชนิดต่าง ๆ ได้
2. Class B เป็นเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลวไวไฟ ของเหลวติดไฟ และเชื้อเพลิงที่มีสถานะเป็นก๊าซ ได้แก่ น้ำมันเบนซิน โพรเพน และแอลกอฮอล์ เมื่อเผาไหม้แล้วจะไม่เหลือเถ้าถ่าน
วิธีการดับไฟ : สามารถดับด้วยการปกคลุม ทำให้คุกรุ่น หรือการใช้สารทำลายการเกิดปฏิกิริยา
3. Class C เป็นไฟที่มีกระแสไฟฟ้า รวมอยู่กับเชื้อเพลิง เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นไฟประเภทเดียวที่ไม่เกี่ยวกับชนิดเชื้อเพลิงโดยตรง แต่ใช้กระแสไฟฟ้าที่อยู่ในเชื้อเพลิงเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
วิธีการดับไฟ : สามารถดับไฟโดยตัดกระแสไฟฟ้า
: ใช้สารดับเพลิงที่ไม่นำไฟฟ้า และไม่ทำอันตรายกับผู้ทำการดับเพลิง และห้ามใช้น้ำฉีดเด็ดขาด
4. Class D เป็นเชื้อเพลิงในกลุ่มโลหะเกิดการติดไฟ เช่น แมกนีเซียม เชื้อเพลิงประเภทนี้จะติดไฟยาก แต่เมื่อเกิดการลุกไหม้ขึ้นแล้วจะทำให้เกิดเพลิงไหม้ที่มีความรุนแรงมาก
วิธีการดับไฟ : สามารถดับด้วยสารเคมีแห้งชนิดพิเศษที่สามารถปกคลุม และทนต่อความร้อนสูงและห้ามใช้น้ำฉีดเด็ดขาด
5. Class K เป็นเชื้อเพลิงน้ำมันทำอาหาร น้ำมันพืช น้ำมันจากสัตว์ และไขมัน
วิธีการดับไฟ : สามารถดับด้วยการทำให้อับอากาศ หากไม่สามารถทำได้ ให้ใช้น้ำยาโฟมหรือทรายในการดับไฟ เครื่องดับเพลิงที่เหมาะ คือชนิดน้ำผสมสารโพแทสเซียมอะซิเตท และห้ามใช้น้ำฉีดเด็ดขาด
ประเภทของสารดับเพลิง
1. ผงเคมีแห้ง ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิตทุกประเภท เหมาะสำหรับใช้ในที่โล่งแจ้ง บ้าน อาคารขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน ใช้ดับไฟประเภท A B C
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. ผงโซเดียมไบคาร์บอเนต + ก๊าซไนโตรเจน
2. ผงโพแทสเซียมอะซิเตท
2. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นก๊าซเฉื่อย ไม่ช่วยในการลุกไหม้ ไม่มีสี ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น ไม่มีพิษ หนักกว่าอากาศ 1.5 เท่า ฉีดออกมาแล้วไม่เหลือกากไว้ เก็บได้นาน ไม่เสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับภายในอาคาร ดับไฟที่เกิดจากแก๊ส น้ำมัน และไฟฟ้า ใช้ดับไฟประเภท A B C
3. น้ำยาเหลวระเหย
- ถังสีเขียว บรรจุน้ำยาดับเพลิงชนิด BF 2000 ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ติดไฟ เหมาะสำหรับในห้องคอมพิวเตอร์ ห้องซอฟแวร์ ห้องไฟฟ้า อาคาร สำนักงาน รถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม ที่พักอาศัย ใช้ดับไฟประเภท A B C
- ถังสีฟ้า เหมาะสำหรับในบ้าน ดับไฟที่เกิดจากน้ำมันทอดในครัวเรือนได้ เมื่อใช้งานแล้ว ฉีดสารเคมีไม่หมด สามารถนำมาใช้ต่อจนหมดได้
4. น้ำยาโฟม บรรจุน้ำยาโฟมในถังสแตนเลส แรงดันสูง ฉีดพ่นออกมาเป็นฟอง คลุมผิวเชื้อเพลิง ทำให้อับอากาศ และลดความร้อน เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัย ปั๊มน้ำมัน ร้านขายสี ใช้ดับไฟประเภท A B
5. น้ำ สะสมแรงดัน ใช้ดับไฟประเภท A
องค์ประกอบการดับเพลิง
- แผนผังอาคาร แยกแต่ละชั้น
- กำหนดตัวบุคคล และหน้าที่
- กำหนดตัวบุคคลเข้าดับเพลิงป้องกันการลุกลาม
- ข้อมูลอื่น ๆ ของแต่ละฝ่ายในหน่วยงาน เช่น การกำหนดเครื่องมือดับเพลิงเบื้องต้น
ก่อนเกิดภัย
แผนการฝึกซ้อมแผนป้องกัน และระงับอัคคีภัย
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. การฝึกซ้อมเชิงอภิปราย
- เน้นการหารือ อภิปรายแผน มาตรการ วิธีปฏิบัติ
- เน้นประเด็นยุทธศาสตร์ นโยบายของหน่วยงาน
- ไม่มีการเคลื่อนย้ายทรัพยากรใด ๆ
2. การฝึกซ้อมเชิงปฏิบัติการ
- มีการเคลื่อนย้าย ระดมทรัพยากร และบุคลากร
- มีความซับซ้อน นำแผนนโยบาย และมาตรการไปสู่การปฏิบัติจริง
- พัฒนาประสิทธิภาพของบุคลากร ทีมงาน
ขณะเกิดภัย
แผนการอพยพหนีไฟ
ใช้ปฏิบัติในกรณีเกิดเพลิงไหม้ขั้นลุกลาม กำหนดให้มีการบัญชาการเหตุการณ์ และมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน การอพยพหนีไฟ ประกอบด้วยบัญชีรายชื่อจำนวนบุคลากรในสังกัด เส้นทางอพยพหนีไฟ กำหนดจุดนัดพบ และจุดรวมพล
หลังเกิดภัย
แผนการฟื้นฟูบูรณะ
การบริหารจัดการให้หน่วยงานสามารถให้บริการ และเจ้าหน้าที่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติได้อย่างรวดเร็ว สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน