บรรยากาศอันตรายหมายความว่า สภาพอากาศที่อาจทำให้คนงานได้รับอันตรายจากสภาวะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
- มีออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ ๑๙.๕ หรือมากกว่าร้อยละ ๒๓.๕ โดยปริมาตร
- มีก๊าซ ไอ ละอองที่ติดไฟหรือระเบิดได้ เกินร้อยละ ๑๐ ของค่าความเข้มข้นขั้นต่ำของสารเคมีแต่ละชนิดในอากาศที่อาจติดไฟหรือระเบิดได้ (lower flammable limit หรือ lower explosive limit)
- มีค่าความเข้มข้นของสารเคมีแต่ละชนิดเกินมาตรฐานที่กำหนดตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
- สภาวะอื่นใดที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือชีวิตตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
การพิจารณาว่าพื้นที่ใดจัดเป็นพื้นที่อับอากาศ มีปัจจัยในการพิจารณาดังนี้
- พื้นที่ซึ่งปริมาตรมีขนาดเล็ก ก๊าซหรือไอที่เกิดขึ้นในบริเวณนั้นไม่สามารถระบายออกไปได้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น
- ผู้ปฏิบัติงานคนอื่นๆที่อยู่นอกพื้นที่นั้นจะเข้าไปสังเกตการณ์ หรือช่วยเหลือผู้ที่กำลังปฏิบัติงานได้ยาก
- ช่องเปิด ทางเข้า – ออก อยู่ไกลจากจุดปฏิบัติงาน มีขนาดเล็ก ทางเข้าออกไม่สะดวก
อันตรายจากการปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศ
อาจมีอันตรายต่อสุขภาพพนักงานและความเสียหายอย่างอื่น เช่น ทรัพย์สิน หรืออาจถึงชีวิต ซึ่งสรุปได้โดยสังเขปดังนี้
- อันตรายที่เกิดจากการขาดอากาศหายใจ(Oxygen Deficient Atmosphere)
บริเวณสถานที่ทำงานที่เป็นที่อับอากาศจะมีสภาพการณ์ที่มีบรรยากาศที่ไม่ปลอดภัยเนื่องจากสภาพพื้นที่ที่มีบริเวณจำกัด การระบายอากาศไม่เพียงพอ หรือมีการทำงานที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีหรือทางชีวภาพขึ้นในที่อับอากาศ ซึ่งส่งผลให้มีการใช้ออกซิเจนโดยตรงหรือเกิดก๊าซบางชนิดขึ้นมาแทนที่ออกซิเจนในบรรยากาศ โดยอาจเกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของวัสดุหรือสารเคมีไวไฟที่ใช้ในงานเชื่อม หรือใช้เครื่องเชื่อมก๊าซตัดชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่อยู่ในที่อับอากาศ - อันตรายที่เกิดจากภาวะบรรยากาศมีพิษ (Toxic Atmosphere)
คือลักษณะอันตรายที่เกิดจากกระบวนการต่างๆที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี หรือการปฏิบัติงานในที่อับอากาศที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมี ที่ใช้เป็นวัตถุดิบ ผลผลิต หรือของเสียที่จะต้องกำจัด โดยของเสียดังกล่าวจะอยู่ในรูปของก๊าซ ไอ ฝุ่น ฟูม ควัน ละออง หรืออยู่ในรูปของเหลว เช่นสารเคมีตัวทำละลาย (Solvent)ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งผู้ปฏิบัติงานจะได้รับอันตรายหากได้รับหรือสัมผัสกับอันตรายดังกล่าว
การทำปฏิกิริยาทางเคมีจะก่อให้เกิดการสะสมรวมตัวของสารเคมีอย่างต่อเนื่อง และนำมาซึ่งภาวะบรรยากาศเป็นพิษ เช่น งานเชื่อมก่อให้เกิดอันตรายจากฟูมโลหะและก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซค์ งานทาสีก่อให้เกิดอันตรายจากไอระเหยของสารตัวทำละลาย เป็นต้น นอกจากนี้ภาวะบรรยากาศที่เป็นพิษอาจเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาทางเคมีและทางชีวภาพ เช่นบ่อบำบัดน้ำเสีย มักเกี่ยวข้องกับการเกิดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่มีความเป็นพิษสูงมาก อันตรายจะเกิด เมื่อผู้ปฏิบัติงานได้รับ หรือสัมผัสโดยการสูดหายใจเข้าไปจะทำให้หมดสติ ระบบการหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้ - อันตรายที่เกิดจากภาวะบรรยากาศที่ไวไฟ (Flammable Atmosphere)
ลักษณะอันตรายที่เกิดจากสภาวะบรรยากาศที่ไวไฟที่เกิดในที่อับอากาศส่วนใหญ่มักเกิดจากสภาพการณ์ที่มีระดับไอระเหยของสารเคมีไวไฟที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีทำให้เกิดการสะสม หรือตกค้างอยู่ในที่อับอากาศถึงระดับที่สามารถลุกติดไฟ หรือเกิดการระเบิดขึ้นได้ หรือเกิดจากในที่อับอากาศมีปริมาณออกซิเจนที่มีระดับสูงกว่าปกติ(มากกว่า ๒๓.๕%) หากเกิดการลุกติดไฟหรือระเบิดก็จะทำให้ระดับความรุนแรงกว่ามีมากขึ้น หรืออาจเกิดจากสภาวะที่มีปริมาณการสะสมของฝุ่นที่ติดไฟได้ ภายใต้สภาวะที่มีส่วนผสมในอากาศในระดับที่มีความเหมาะสม หากก่อให้เกิดประกายไฟหรือความร้อนจนถึงระดับที่มีการลุกติดไฟ หรือการระเบิดขึ้นได้ ทั้งนี้จะมีองค์ประกอบ ๓ อย่างคือ ปริมาณออกซิเจน เชื้อเพลิง และแหล่งความร้อนหรือประกายไฟ - อันตรายที่เกิดจากสภาพแวดล้อมทางเออร์กอนอมิคส์(Ergonomics) เช่น
- เกิดจากสภาพพื้นที่ทำงานไม่เหมาะสม เช่นสถานที่ทำงานคับแคบหรือจำกัด อยู่ในสภาพชื้นแฉะ มีสิ่งของกีดขวางหรือรกรุงรัง
- เกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาสังคม เช่นงานที่ต้องทำแข่งกับเวลา หรือมีระยะเวลาจำกัด การปฏิบัติที่ซ้ำซากจำเจที่ต้องเข้าไปในที่อับอากาศ
- เกิดจากลักษณะท่าทางและอิริยาบถที่ไม่เหมาะสม เช่น ยืนหรือนั่งทำงานที่ระดับสูงต่ไม่เท่ากัน ปวดหลังจากการยกของผิดท่าทาง
- อันตรายจากสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ เช่น
- เสียงดังที่เกิดจากการใช้เครื่องมือกลที่ใช้ในการทำงานในที่อับอากาศ เช่นเครื่องเจียร์ เครื่องตัด เครื่องเจาะกระแทก เป็นต้น
- การสั่นสะเทือน เสียงและความสั่นสะเทือนมักจะมีต้นกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน จึงมีความเกี่ยวข้องกันอยู่เสมอการสั่นสะเทือนเกิดจากตัวผู้ปฏิบัติงานใช้เครื่องมือกลในการถอดหรือประกอบอุปกรณ์ที่เป็นตัวยึด เช่นฝาแมนโฮลด์ ซึ่งผลกระทบจากการสั่นสะเทือนจะทำอันตรายที่บริเวณอวัยวะที่สัมผัสกับการสั่นสะเทือน อาจเป็นสาเหตุให้หลอดเลือดตีบ อาจส่งผลให้ปลายประสาทอักเสบและเสื่อมสภาพ หรือเกิดความผิดปกติกับกระดูกข้อมือและกล้ามเนื้อหดลีบ
- อุณหภูมิที่ผิดปกติ
การในทำงานในที่อับอากาศ ส่วนหนึ่งจะมีอันตรายที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิที่ผิดปกติพิจารณาได้จากสภาพการทำงาน ประเภทการทำงานหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่นเข้าไปทำงานในเตาเผาที่มีความร้อนสูง หรือเข้าไปในเตาหรือหม้อต้มไอน้ำ หรือลงไปในบ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งลักษณะการทำงานแบบนี้ อาจมีผลกระทบกับอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งเป็นอันตรายกับผู้ปฏิบัติงาน โดยส่งผลกระทบกับร่างกายหรือเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย หรือระบบการทำงานของร่างกายเกิดการแปรปรวน หากต้องทำงานกับสภาพการณ์ที่มีความร้อนเป็นระยะเวลานานๆร่างกายอาจตอบสนองหรือโต้ตอบด้วยการเกิดความเครียด หรือความกดดันของหัวใจ หรืออ่อนเพลีย อาจหมดสติและเสียชีวิตได้ - อันตรายที่เกิดจากการสัมผัสกระแสไฟฟ้า
ผู้ปฏิบัติงานในที่อับอากาศที่มีการใช้เครื่องมือกล เช่นสว่านเจาะ หินเจียร์ ไฟส่องสว่าง เป็นต้น มีสภาพชำรุด และในพื้นที่ทำงานมีสภาพชื้นแฉะ ก็อาจทำให้กระแสไฟฟ้าเกิดลัดวงจรทำอันตรายผู้ปฏิบัติงานเสียชีวิตได้ - อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางชีวภาพในที่อับอากาศเช่น
- การติดเชื้อโรคต่างๆ เนื่องจากในที่อับอากาศที่มีการจัดเก็บวัสดุทางการเกษตร ที่มีเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ชนิดต่างๆอยู่ด้วย เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
- การถูกสัตว์มีพิษกัดในขณะทำงานในที่อับอากาศ ซึ่งสัตว์มีพิษอาจจะเข้าไปหลบอาศัยอยู่ เมื่อมีผู้ที่เข้าไปทำงานในที่อับอากาศ อาจถูกสัตว์มีพิษกัดต่อยได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น
- อันตรายจากการได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอื่นๆ ได้แก่อันตรายที่เกิดจากสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีสภาพพื้นที่ที่มีระดับความสูงต่ำไม่เท่ากัน หรือมีสภาพที่ลื่น หรือเกิดจากการจัดระเบียบพื้นที่ทำงานไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการสะดุดหกล้ม ได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดการพังทลายของวัสดุที่กองเก็บ หรือพังทลายจากดินโคลนที่ถูกน้ำพัดหรือเกิดน้ำท่วมแบบเฉียบพลัน หรือเกิดจากการตกจากที่สูงขณะทำงานอยู่บนนั่งร้านที่ติดตั้งอยู่ในที่อับอากาศ หรือ เกิดจากการที่วัสดุสิ่งของตกลงมากระแทกหรือกระทบกับร่างกายได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น
สถานการณ์การเสียชีวิตและมาตรการป้องกันอันตรายจากการทำงานในสถานที่อับอากาศ
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๖ จนถึง พ.ศ. ๒๕๖๐ พบว่า มีการเกิดเหตุการณ์บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการ ดังนี้
ลำดับ
|
วันที่เกิดเหตุ |
สาเหตุ/ลักษณะการเกิดเหตุ |
จำนวน |
|
เจ็บป่วย |
เสียชีวิต |
|||
๑ |
๑๓ ก.พ. ๒๕๔๖ |
คนงานเข้าไปตรวจสอบความผิดปกติถังผสมสารเคมีความลึก ๓ ม. สูดดมสารเคมีและขาดอากาศหายใจ |
๑ |
๑ |
๒ |
๑๒ มี.ค. ๒๕๔๗ |
คนงานลงไปทำความสะอาดบ่อน้ำเสีย มีน้ำเสียตกค้าง ประมาณ ๓๐ ซม./สูดดมก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ |
๓ |
๒ |
๓ |
๑๒ เม.ย. ๒๕๔๗ |
คนงานลงไปล้างถังตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสีย และสูดดมสารพิษ |
๑ |
๒ |
๔ |
๒๖ ต.ค. ๒๕๔๗ |
คนงานลงไปทำความสะอาดในหลุมกระพ้อข้าวเปลือก ปากหลุมกว้าง ๐.๕ม.x ๑ม. ลึก ๓.๕ ม.และไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ ทำให้คนงานขาดอากาศหายใจ |
๑ |
๗ |
๕ |
๙ เม.ย. ๒๕๔๘ |
คนงานลงไปซ่อมหม้อน้ำ ตรวจพบออกซิเจนปริมาณน้อยทำให้คนงานขาดอากาศหายใจ |
๔ |
- |
๖ |
๑๖ มิ.ย. ๒๕๔๙ |
เกษตรกรลงไปตรวจซ่อมปั๊มสูบน้ำในก้นบ่อที่มีความลึก ๑๐ ม. แล้วเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ตรวจพบออกซิเจนก้นบ่อ ๕.๙% |
- |
๓ |
๗ |
๒๙ ก.ค. ๒๕๔๙ |
คนงานลงไปซ่อมท่อสะพานและอัดจารบี ในหลุมลึกของไซโลที่มีความลึกประมาณ ๓ ม. และขาดอากาศหายใจ |
- |
๔ |
๘ |
๒๒ ก.ค. ๒๕๔๙โรงผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ของฟาร์มสุกร จ.ราชบุรี |
คนงานลงไปติดตั้งท่อ PVC ในบ่อกว้าง ๓ม. ลึก๔ ม.เพื่อสูบน้ำจากบ่อบำบัดน้ำเสียเข้าสู่บ่อหมักก๊าซชีวภาพและสูดดมไฮโดรเจนซัลไฟด์ |
- |
๕ |
๙ |
๙ มี.ค. ๒๕๕๕ |
คนงานลงไปล้างบ่อพัก(sump)ของระบบฟอกก๊าซชีวภาพ(biological scrubber) ปากบ่อกว้าง ๓ม.x ๖ม. ลึก ๒.๙ ม.และมีตะกอนก้นบ่อ ๒๐-๓๐ ซม. และสูดดมไฮโดรเจนซัลไฟด์ |
๒ |
๓ |
๑๐ |
๒๗ พ.ค. ๒๕๕๕ |
คนงานลงไปต่อท่อก๊าซชีวภาพที่ฝังในดิน โดยขุดบ่อ กว้าง๓ม. x ๔ ม.ลึก ๓ ม. แล้วถอดหน้าแปลนทำให้ก๊าซชีวภาพรั่ว คนงานสูดดม |
- |
๕ |
๑๑ |
๑๐ มิ.ย.๒๕๕๖ โรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวล จ.ตรัง |
หัวหน้าวิศวกรชาวนิวซีแลนด์และลูกน้องคนไทยขึ้นไปช่วยชีวิตลูกน้องที่หมดสติ บนปล่องระบายอากาศ สูงประมาณ ๘ ม. เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓ ม. ขาดอากาศหายใจ
|
๒ |
๒
|
๑๒ |
๒๖ มี.ค. ๒๕๕๗บ่อน้ำเสียเทศบาลนครภูเก็ต |
คนงานบริษัทรับเหมาดูแลระบบบำบัดน้ำเสียลงไปล้างบ่อพักน้ำเสีย ขนาดกว้าง ๘๐ ซม. x ๑ ม. ลึก ๓ ม. สูดดมก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ |
- |
๔
|
๑๓ |
๑๔ มิ.ย. ๒๕๕๗ บ้านพัก จ.นนทบุรี |
คนงานขุดบ่อน้ำบาดาล เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑ ม. ลึก ๔ ม. ขาดอากาศหายใจ |
- |
๓ |
๑๔ |
๗ เม.ย. ๒๕๕๗ บ้านพักให้เช่า จ.ระยอง |
คนงานลงไปล้างบ่อเก็บน้ำอุปโภค บริโภค ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒.๕ ม. ลึก ๖ ม. โดยเปิดฝาท่อไว้ คนงานขาดอากาศหายใจ |
- |
๔ |
๑๕ |
๒๓ มิ.ย.๒๕๖๐ กม.๒๐เขตบางนา กทม. |
นักศึกษาสัตวแพทย์ตกบ่อบำบัดน้ำเสีย (Daft) ขนาดบ่อกว้าง ๓.๐ ม. ยาว ๔.๐ม. ลึก ๒.๕ ม.ในโรงงานชำแหละสัตว์ปีก สูดดมก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ |
|
๕ |
๑๖ |
๑๔ กค. ๒๕๖๐ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ อ.บางเลน จ.นครปฐม |
เกิดเหตุบริเวณไซโลเก็บอาหารสัตว์ ของโรงงานผลิตอาหารสัตว์โดยคนงานลงไปซ่อมถังบรรจุไซโลผสมข้าวโพดที่ชำรุดรั่ว เข้าไปทาง แมนโฮลเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดพอคนลอดได้ ไซโลมีขนาดความกว้าง๑ ม. สูงประมาณ ๑๕ ม. คนงาน๒คนได้นำเครื่องเชื่อมไฟฟ้าโดยใช้สายสลิงโรยตัวเข้าไปข้างในเพื่อเชื่อมอุดรอยรั่ว ส่วนอีกคนอยู่ที่ปากแมนโฮลเพื่อคอยดูดควัน เวลาผ่านไป ๕ นาที เกิดเสียงระเบิดและไฟพุ่งออกที่ช่องแมนโฮล คนงานตกลงไปด้านล่าง เสียชีวิต |
๑ |
๒ |
๑๗ |
๒ ๐ กย.๒๕๖๐โรงงานไซโลข้าวโพด อ.เชียงแสน จ.เชียงราย |
เกิดเหตบริเวณบ่อดักน้ำฝนมีฝาเหล็กปิดกว้าง ๓ ม. ยาว ๔ ม. ลึก ๓ ม. ทั้ง๓คนลงไปเช็คท่อน้ำในเตาเผาซึ่งอยู่ใกล้เตาเผาคาดสูดดมก๊าซพิษ |
- |
๓ |
มาตรการป้องกันความปลอดภัยการทำงานในที่อับอากาศ
- ควรมีการสำรวจสถานที่ทำงานว่าสถานใดบ้างเป็นสถานที่อับอากาศและติดป้ายเตือนอันตรายสถานที่อับอากาศ
- ต้องมีขั้นตอนการขออนุญาตเข้าไปทำงานในที่อับอากาศที่เป็นลายลักษณ์อักษร โดยขั้นตอนที่กำหนดขึ้นนี้ สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา
- ต้องจัดให้มีผู้ควบคุมงานที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เช่น วางแผนปฏิบัติงาน และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และอบรมสอนงาน ควบคุมดูแลให้ ลูกจ้างใช้ตรวจตรา เครื่องป้องกันและอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย ที่ให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำงาน
- จัดให้มีผู้ช่วยเหลือซึ่งผ่านการอบรมช่วยเหลือผู้ประสบภัย และอุปกรณ์การช่วยเหลือเฝ้าอยู่ปากทางเข้าสถานที่ทำงานอับอากาศตลอดเวลาทำงาน เช่น รอก เชือก เข็มขัด อุปกรณ์ปฐมพยาบาล อุปกรณ์ดับเพลิง
- ไม่อนุญาตให้คนงานเข้าไปทำงานในสถานที่อับอากาศก่อนที่จะมีการตรวจวัดปริมาณออกซิเจน,ก๊าซพิษและการระบายอากาศ และต้องตัดการทำงานของเครื่องจักรระบบไฟฟ้า การป้อนวัสดุ
- ต้องมีเครื่องตรวจวัดอากาศ,ก๊าซพิษที่สถานที่ปฏิบัติตลอดเวลาที่ทำงานอยู่และผู้ทำหน้าที่อนุญาตควรทำการตรวจวัดปริมาณระดับออกซิเจนในสถานที่ทำงานที่เป็นที่อับอากาศให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย (ปริมาณออกซิเจน ๑๙.๕ – ๒๓.๕%หรือสารเคมีที่ติดไฟได้ในปริมาณเข้มข้นกว่าร้อยละ 20 ของความเข้มข้นต่ำสุด ที่จะติดไฟหรือระเบิดได้) ตามที่กฎหมายกำหนดก่อนเริ่มงาน และต้องมีพัดลมระบายอากาศแบบไม่ก่อให้เกิดประกายไฟเตรียมพร้อมตลอดระยะเวลาทำงาน
- ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่นหากสถานที่ทำงานมีระดับออกซิเจนต่ำกว่าค่าที่กฎหมายกำหนดต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ(SCBA หรือ Air Line)และหากต้องสัมผัสเสียงดัง ต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลชนิดลดเสียงขณะปฏิบัติงานและหากต้องทำงานในที่อับอากาศที่ต่างระดับต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันการตก เช่นสายรัดลำตัว ต่อกับเชือกช่วยชีวิต
- อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ประกอบที่ใช้ในสถานที่อับอากาศ ต้องเป็นชนิดที่สามารถป้องกัน ความร้อน ฝุ่น การระเบิด การลุกไหม้ และไฟฟ้าลัดวงจรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้องจัดให้มีการเดินสายไฟฟ้าในสถานที่อับอากาศด้วยวิธีที่ปลอดภัยต้องมีแผนการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟฟ้า สายดิน และการติดป้ายแสดงหลังจากผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่นำไปใช้งานในสถานที่อับอากาศ แผงควบคุมวงจรหลักหรือวงจรย่อย ผู้ปฏิบัติงานต้องสามารถเข้าไปตัดวงจรได้ทันทีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
- ควรจัดให้มีอุปกรณ์สื่อสารที่จำเป็นเพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างปฏิบัติงานในที่อับอากาศ
- อุปกรณ์ประเภทบันได ต้องมีความปลอดภัยเพียงพอสำหรับการเข้าและออกของผู้ที่เข้าไปปฏิบัติงานและต้องเป็นชนิดที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า
- กำหนดข้อห้าม และควบคุมต่างๆ เช่น ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามก่อไฟ ห้ามคนไม่เกี่ยวข้องเข้าไป ถ้าเป็นช่องโพรง ต้องปิดกั้นไม่ให้คนตกลงไป และจัดให้มีป้ายแจ้งข้อความ "บริเวณอันตรายห้ามเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต" ปิดประกาศไว้ในบริเวณสถานที่อับอากาศซึ่งมองเห็นชัดอยู่ตลอดเวลา
- ควรมีขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Work instruction) ที่ปลอดภัย และต้องมีการอบรมคนงานและให้ปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดก่อนเข้าทำงานในพื้นที่อับอากาศ
เอกสารอ้างอิง
- ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและหลักสูตรการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
- คู่มือการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกแบบ การผลิต การควบคุมคุณภาพ และการใช้ก๊าซชีวภาพ (Biogas) สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม สำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย กรมโรงงานอุตสาหกรรม พฤศจิกายน ๒๕๕๓
- เอกสารประกอบการฝึกอบรม หลักสูตร ความปลอดภัยในการทำงานที่อับอากาศ บริษัท เอ็นพีซี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด